คำว่า "Daylight Saving Time (DST)” เป็นคำที่หลายๆ คนคงคุ้นหู ซึ่งใช้เรียกกันในโซนอเมริกา แต่ในโซนยุโรปจะใช้คำว่า "Summer Time" อย่างประเทศอังกฤษก็จะเรียก British Summer Time หรือ BST
      Summer Time หรือ Daylight Saving Time คือการปรับเวลาของท้องถิ่นในช่วงฤดูร้อนให้เร็วกว่าเวลาปกติ 1 ชั่วโมง ยกเว้นที่เกาะลอร์ดโฮว์ ประเทศออสเตรเลียที่มีการปรับเวลาให้เร็วขึ้นแค่ ครึ่งชั่วโมง
      การปรับเวลา Saving Time นี้มักใช้ในประเทศเขตหนาวที่มีอยู่ในละติจูดมากกว่าแนว 23.5 เหนือ/ใต้ (Temperate Zone) แต่ก็ไม่ใช่ทุกประเทศที่อยู่ในแถบนี้จะประกาศใช้เวลา Summer Time ทั้งหมด ตัวอย่างเช่น จีน ญี่ปุ่น เป็นต้น
   • จุดประสงค์หลัก ของการใช้ Daylight Saving Time หรือ Summer Time คือ การประหยัดพลังงานในช่วงค่ำ เพราะปริมาณการใช้ไฟฟ้าจะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลัก 2 ประการ คือ เวลาพระอาทิตย์ตกดิน และเวลาการเข้านอนของคนโดยทั่วไป เพราะช่วงเวลา DST จะมีระยะเวลากลางวันนานกว่าระยะเวลากลางคืน (สว่างเร็วกว่าปกติ และค่ำช้ากว่าปกติ) ซึ่งในทางทฤษฎีแล้ว คนเราจะตื่นเช้าตามพระอาทิตย์ขึ้น แต่จะใช้เวลาในการนอนใกล้เคียงเดิม ดังนั้น ฟ้าสว่างเร็วขึ้น คนก็จะตื่นเช้าขึ้น และเมื่อมีการเลื่อนเวลาให้เร็วขึ้น คนก็จะออกมาทำงานเร็วขึ้น การใช้ชีวิตในช่วงค่ำก็ยังไม่จำเป็นต้องใช้ไฟฟ้ามากนัก เพราะฟ้ายังสว่างอยู่ และเข้านอนเร็วขึ้น ทำให้ปริมาณการใช้ไฟฟ้าก็จะลดลง